วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

หุ่นยนต์


หุ่นยนต์ หรือ โรบอต (robot) คือเครื่องจักรกลชนิดหนึ่ง มีลักษณะโครงสร้างและรูปร่างแตกต่างกัน หุ่นยนต์ในแต่ละประเภทจะมีหน้าที่การทำงานในด้านต่าง ๆ ตามการควบคุมโดยตรงของมนุษย์ การควบคุมระบบต่าง ๆ ในการสั่งงานระหว่างหุ่นยนต์และมนุษย์ สามารถทำได้โดยทางอ้อมและอัตโนมัติ โดยทั่วไปหุ่นยนต์ถูกสร้างขึ้นเพื่อสำหรับงานที่มีความยากลำบากเช่น งานสำรวจในพื้นที่บริเวณแคบหรืองานสำรวจดวงจันทร์ดาวเคราะห์ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิต ปัจจุบันเทคโนโลยีของหุ่นยนต์เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านอุตสาหกรรมการผลิต แตกต่างจากเมื่อก่อนที่หุ่นยนต์มักถูกนำไปใช้ ในงานอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีการนำหุ่นยนต์มาใช้งานมากขึ้น เช่น หุ่นยนต์ที่ใช้ในทางการแพทย์ หุ่นยนต์สำหรับงานสำรวจ หุ่นยนต์ที่ใช้งานในอวกาศ หรือแม้แต่หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องเล่นของมนุษย์ จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาให้หุ่นยนต์นั้นมีลักษณะที่คล้ายมนุษย์ เพื่อให้อาศัยอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ ให้ได้ในชีวิตประจำวัน



หุ่นยนต์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะการใช้งาน คือ 1.หุ่นยนต์ชนิดที่ติดตั้งอยู่กับที่ (fixed robot) เป็นหุ่นยนต์ที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ด้วยตัวเอง มีลักษณะเป็นแขนกล สามารถขยับและเคลื่อนไหวได้เฉพาะแต่ละข้อต่อ ภายในตัวเองเท่านั้น มักนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เช่นโรงงานประกอบรถยนต์ 2. หุ่นยนต์ชนิดที่เคลื่อนที่ได้ (mobile robot) หุ่นยนต์ประเภทนี้จะแตกต่างจากหุ่นยนต์ที่ติดตั้งอยู่กับที่ เพราะสามารเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง โดยการใช้ล้อหรือการใช้ขา ซึ่งหุ่นยนต์ประเภทนี้ปัจจุบันยังเป็นงานวิจัยที่ทำการศึกษาอยู่ภายในห้องทดลอง เพื่อพัฒนาออกมาใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ เช่นหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคาร ขององค์การนาซ่า[1]

ปัจจุบันมีการพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีลักษณะเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข เพื่อให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับมนุษย์ เช่น หุ่นยนต์ IBO ของบริษัทโซนี่[2] หรือแม้กระทั่งมีการพัฒนาหุ่นยนต์ให้สามารถเคลื่อนที่แบบสองขาได้อย่างมนุษย์ เพื่ออนาคตจะสามารถนำไปใช้ในงานที่มีความเสี่ยงต่ออันตรายแทนมนุษย์ ในประเทศไทย สถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาหลายแห่งหรือองค์กรของภาครัฐ และเอกชน ได้เล็งเห็นถึงประโยนช์ของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ และร่วมเป็นแรงผลักดันให้เยาว์ชนในชาติ พัฒนาองค์ความรู้ เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีของประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยการจัดให้มีการแข่งขันหุ่นยนต์ขึ้นในประเทศไทยหลายรายการ เพื่อให้นักศึกษาได้สามารถ นำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้งานได้ เป็นการเสริมสร้างและพัฒนาทักษะ เพื่อนำความรู้ไปพัฒนาประเทศในอนาคต
ความหมายของหุ่นยนต์
ความหมายของ "หุ่นยนต์" โดยสถาบันหุ่นยนต์อเมริกา (The Robotics Institute of America) ได้ให้ความหมายไว้ ดังนี้

"หุ่นยนต์ คือเครื่องจักรใช้งานแทนมนุษย์ ที่ออกแบบให้สามารถตั้งลำดับการทำงาน การใช้งานได้หลากหลายหน้าที่ ใช้เคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์ ส่วนประกอบต่าง ๆ เครื่องมือหรืออุปกรณ์พิเศษ ตลอดจนการเคลื่อนที่ได้หลากหลาย ตามที่ตั้งลำดับการทำงาน เพื่อสำหรับใช้ในงานหลากหลายประเภท" (A robot reprogrammable, multifunctional manipulator designed to move materials, parts, tools or specialized devices through various programmed motions for the performance of a variety of tasks.) [3]
นิยามดังกล่าว อิกนัยหนึ่งก็คือ เครื่องจักรกลทุกชนิดที่สามารถปฏิบัติงานแทนมนุษย์ได้ทุกประเภท ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งในงานที่เสี่ยงอันตรายโดยที่มนุษย์ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ตลอดจนการทำงานที่เป็นอัตโนมัติโดยตนเองหรือถูกควบคุมโดยมนุษย์ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานได้หลากหลาย

ประวัติ

Shakey หุ่นยนต์เคลื่อนที่ตัวแรกด้วยเซนเซอร์ในสมัยก่อนหุ่นยนต์เป็นเพียงจินตนาการของมนุษย์ ที่มีความต้องการได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้ามาช่วยในการผ่อนแรงจากงานที่ทำ หรือช่วยในการปฏิบัติงานที่ยากลำบากเกินขอบเขตความสามารถ และจากจินตนาการได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์ คิดประดิษฐ์สร้างสรรค์หุ่นยนต์ขึ้นมา จนกลายเป็นหุ่นยนต์หรือ Robot ในปัจจุบัน

คำว่า Robot มาจากคำว่า Robota ในภาษาเช็ก ซึ่งแปลโดยตรงว่า การทำงานเสมือนทาส ถือกำเนิดขึ้นจากละครเวทีเรื่อง "Rassum's Universal Robots" ในปี ค.ศ. 1920 ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของ คาเวล คาเปก (Kavel Capek) เนื้อหาของละครเวทีมีความเกี่ยวพันกับจินตนาการของมนุษย์ ในการใฝ่หาสิ่งใดมาช่วยในการปฏิบัติงาน การประดิษฐ์คิดค้นสร้างหุ่นยนต์จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นเสมือนทาสคอยรับใช้มนุษย์ การใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างหุ่นยนต์และมนุษย์ดำเนินต่อไปจนกระทั่งหุ่นยนต์เกิดมีความคิดเช่นเดียวกันมนุษย์ การถูกกดขี่ข่มเหงเช่นทาสจากมนุษย์ทำให้หุ่นยนต์เกิดการต่อต้านไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างอีก ซึ่งละครเวทีเรื่องนี้โด่งดังมากจนทำให้คำว่า Robot เป็นที่รู้จักทั่วโลก

ในปี ค.ศ. 1942 คำว่า robot ได้กลายเป็นจุดสนใจของคนทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อ ไอแซค อสิมอฟ นักเขียนนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ได้เขียนเรื่องนวนิยายสั้นเรื่อง Runaround ซึ่งได้ปรากฏคำว่า robot ในนิยายเรื่องนี้ และต่อมาได้นำมารวบรวมไว้ในนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง I-Robot ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำความรู้จักกับคำว่า Robot เป็นครั้งแรกจากนวนิยายเรื่องนี้ หุ่นยนต์จึงกลายเป็นจุดสนใจและเป็นแนวคิดและจินตนาการของนักวิทยาศาสตร์ ในการคิดค้นและประดิษฐ์หุ่นยนต์ในอนาคต

สมัยโบราณการดูเวลาจะใช้นาฬิกาแดด เป็นเครื่องบ่งชี้เวลาแต่สามารถใช้ได้เพียงแค่เวลากลางวันเท่านั้น นาฬิกาทรายจะใช้บอกเวลาในเวลากลางคืน จึงได้มีการคิดค้นและประดิษฐ์เครื่องจักรกลสำหรับบอกเวลาให้แก่มนุษย์คือ นาฬิกาน้ำ (Clepsydra) โดย Ctesibiua of Alexandria นักฟิสิกส์ชาวกรีกในปี 250 ก่อนคริสตกาล นาฬิกาน้ำนี้ใช้บอกเวลาแทนมนุษย์ที่แต่เดิมต้องบอกเวลาจากนาฬิกาแดดและนาฬิกาทราย โดยใช้พลังงานจากการไหลของน้ำ เป็นตัวผลักทำให้กลไกของนาฬิกาน้ำทำงาน และถือเป็นเครื่องจักรเครื่องแรกที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับทำงานแทนมนุษย์ และเมื่อมนุษย์ได้รู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับไฟฟ้า ความคิดสร้างสรรค์ในการควบคุมเครื่องจักรโดยไม่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าก็เริ่มขึ้น Nikola Tesia เป็นบุคลแรกที่สามารถใช้คลื่นวิทยุในการควบคุมหุ่นยนต์เรือขนาดเล็กในกรุงนิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 1898 ภายในงานแสดงผลงานทางด้านไฟฟ้า

ปี ค.ศ. 1940 - 1950 หุ่นยนต์ชื่อ Alsie the Tortoise ได้ถือกำเนิดขึ้นโดย Grey Walter หุ่นยนต์รูปเต่าสร้างจากมอเตอร์ไฟฟ้านำมาประกอบเป็นเครื่องจักร สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยล้อทั้ง 3 ต่อมาหุ่นยนต์ชื่อ Shakey ได้ถูกสร้างขึ้นให้สามารถเคลื่อนที่ได้เช่นเดียวกับ Alsie the Tortoise โดย Standford Research Institute:SRI แต่มีความสามารถเหนือกว่าคือมีความคิดเป็นของตนเองโดยที่ Shakey จะมีสัญญาณเซนเซอร์เป็นเครื่องบอกสัญญาณในการเคลื่อนที่ไปมา ซึ่งนอกเหนือจากหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ไปมาด้วยล้อแล้ว ในปี ค.ศ. 1960 หุ่นยนต์ที่ชื่อ General Electric Walking Truck ที่สามารถเดินได้ด้วยขาก็ถือกำเนิดขึ้น มีขนาดโครงสร้างใหญ่โตและหนักถึง 3,000 ปอน์ด สามารถก้าวเดินไปด้านหน้าด้วยขาทั้ง 4 ข้างด้วยความเร็ว 4 ไมล์/ชั่วโมงโดยการใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมการเคลื่อไหนของขา General Electric Walk Truck ได้รับการพัฒนาโครงสร้างและศักยภาพโดยวิศวกรประจำบริษัท General Electric ชื่อ Ralph Moser

ภายหลังจากที่หุ่นยนต์เริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หุ่นยนต์เริ่มเข้ามามีบทบาทความสำคัญในด้านต่าง ๆ เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับชีวิตของมนุษย์ โรงงานอุตสาหกรรมเริ่มมีความคิดใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานมนุษย์เดิม หุ่นยนต์ด้านอุตสาหกรรมตัวแรกที่ชื่อ Unimates ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1950 - 1960 โดย George Devol และ Joe Engleberger ซึงต่อมา Joe ได้แยกตัวออกมาจาก George โดยเปิดบริษัทสร้างหุ่นยนต์ในชื่อของ Unimation ซึ่งต่อมาผลงานในด้านหุ่นยนต์ของ Joe ได้รับสมญานามว่า "บิดาแห่งหุ่นยนต์ด้านอุตสาหกรรม"
ประโยชน์และความสามารถของหุ่นยนต์
หุ่นยนต์เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของมนุษย์เรื่อยมา เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ทำให้ความสามารถของหุ่นยนต์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถทำงานต่าง ๆ ที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้จำนวนมาก ซึ่งการนำหุ่นยนต์เข้าใช้งานแทนมนุษย์นั้น สามารถแบ่งประเภทตามความสามารถของหุ่นยนต์ได้ ดังนี้

ความสามารถในด้านการแพทย์
ในงานด้านการแพทย์ เริ่มนำเอาหุ่นยนต์แขนกลเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยทำการผ่าตัดคนไข้ เนื่องจากหุ่นยนต์นั้นสามารถทำงานในด้านที่มีความละเอียดสูงที่เกินกว่ามนุษย์จะทำได้ เช่น การนำเอาหุ่นยนต์มาใช้งานด้านการผ่าตัดสมอง ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องการความละเอียดในการผ่าตัด หุ่นยนต์แขนกลจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของการผ่าตัดในด้านการแพทย์ การทำงานของหุ่นยนต์แขนกลในการผ่าตัด จะเป็นลักษณะการทำงานของการควบคุมการผ่าตัดโดยผ่านทางแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดอีกที ซึ่งการผ่าตัดโดยมีหุ่นยนต์แขนกลเข้ามามีส่วนร่วมนั้นจะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างสูง รวมทั้งความสามารถในการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ รวมถึงงานเภสัชกรรมที่มีบางโรงพยาบาลนำหุ่นยนต์มาใช้ในการจ่ายยา [6]

ความสามารถในงานวิจัย
หุ่นยนต์สามารถทำการสำรวจงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ร่วมกับมนุษย์ เช่น การสำรวจท้องทะเลหรือมหาสมุทรที่มีความลึกเป็นอย่างมาก หรือการสำรวจบริเวณปากปล่องภูเขาไฟเพื่อเก็บบันทึกข้อมูลการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ซึ่งเป็นงานเสี่ยงอันตรายที่เกินขอบเขตความสามารถของมนุษย์ที่ไม่สามารถปฏิบัติงานสำรวจเช่นนี้ได้ ทำให้ปัจจุบันมีการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อใช้ในงานวิจัยและสำรวจ เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมและสามารถทำการควบคุมหุ่นยนต์ได้ในระยะไกลด้วยระบบคอนโทรล โดยมีเซนเซอร์ติดตั้งที่ตัวหุ่นยนต์เพื่อใช้ในการวัดระยะทางและเก็บข้อมูลในส่วนต่าง ๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์
ความสามารถในงานอุตสาหกรรม
หุ่นยนต์เริ่มมีบทบาททางด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมในขณะที่งานด้านอุตสาหกรรม มีความต้องการด้านแรงงานเป็นอย่างมาก การจ้างแรงงานจำนวนมากเพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรม ทำให้ต้นทุนการผลิตของแต่ละโรงงานอุตสาหกรรม เพิ่มจำนวนสูงขึ้น และงานอุตสาหกรรมบางงานไม่สามารถที่จะใช้แรงงงานเข้าไปทำได้ ซึ่งบางงานนั้นอันตรายและมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก หรือเป็นงานที่ต้องการความรวดเร็วและแม่นยำในการผลิตรวมทั้งเป็นการประหยัดระยะเวลา ทำให้หุ่นยนต์กลายเป็นทางออกของงานด้านอุตสาหกรรม


เครดิต

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

จังหวัดนครนายก

นครนายกเป็นจังหวัดในภาคกลางสันนิษฐานว่าเคยเป็นเมืองสมัยทวาราวดีมีหลักฐานแนว
กำแพง เนินดินและสันคูอยู่ที่ตำบลดงละครแต่นครนายกนั้นปรากฏหลักฐานในสมัยอยุธยาเป็นเมือง
หน้าด่าน ทางทิศตะวันออกในสมัยพระเจ้าอู่ทองในปีพ.ศ.2437รัชกาลที่5ทรงจัดลักษณะการปกครอง
โดยแบ่งเป็น มณฑลนครนายกได้เข้าไปอยู่ในเขตมณฑลปราจีนบุรีจนเมื่อพ.ศ.2445ทรงเลิกธรรมเนียม
การมีเจ้าครองเมือง และให้มีตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นแทนและในช่วงพ.ศ.2486-2489นครนายก
ได้โอนไปรวมกับจังหวัดปราจีนบุรีและสระบุรีหลังจากนั้นจึงแยกเป็นจังหวัด



จังหวัดนครนายกเดิมชื่อบ้านนาเล่ากันว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยาดินแดนของนครนายกเป็นป่ารกชัฏ
เป็นที่ดอนทำนาหรือทำการเพาะปลูกอะไรไม่ค่อยได้ผลมีไข้ป่าชุกชุมผู้คนจึงพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น
จนกลายเป็นเมืองล้างต่อมาพระมหากษัตริย์ทรงทราบความเดือดร้อนของชาวเมืองจึงโปรดให้ยกเลิก
ภาษีค่านา เพื่อจูงใจให้ชาวเมืองอยู่ที่เดิมทำให้มีผู้คนอพยพมาอยู่เพิ่มมากขึ้นจนเป็นชุมชนใหญ่และ
เรียก และเรียกเมืองนี้จนติดปากว่าเมืองนา-ยกภายหลังจึงกลายเป็นนครนายกจนทุกวันนี้



ที่ตั้งและอาณาเขต

จังหวัดนครนายกตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศไทยห่างจากกรุงเทพฯ107กม.
มีเนื้อที่ประมาณ2,122ตร.กม.หรือประมาณ1,326,250ไร่มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับ จังหวัดสระบุรี และจังหวัดนครราชสีมา
ทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดปราจีนบุรี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดปราจีนบุรี
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดปทุมธานี





เครดิต

http://www.nakhonnayok.go.th/data/pravat.html

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

บุหรี่ทำร้ายฟัน




บุหรี่ทำร้ายฟัน (Lisa)

ผลร้ายต่อเหงือกแ และฟัน คืออันตรายจากบุหรี่อีกอย่างที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม

คนสูบบุหรี่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งในช่องปากมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 6 เท่า!!!

นอกจากบุหรี่ทำให้คุณ ๆ มีกลิ่นปาก ฟันเป็นคราบเหลืองแล้ว ควันบุหรี่ก็เป็นสาเหตุของโรคฟันด้วยนะคะ

ถ้าคุณเป็นแผลในช่องปากก็จะหายช้ากว่าปกติ เพราะควันบุหรี่ไปทำให้เกิดความระคายเคืองต่อเหงือก และช่องปากนั่นเองค่ะ นอกจากนั้น คุณยังต้องเสี่ยงที่จะเป็นโรคเหงือกอักเสบขั้นรุนแรงอีกด้วย

คุณ ๆ รู้มั้ยว่า บุหรี่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้คราบจุลินทรีย์เกาะติดฟันได้ดี และรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ฟันสึกกร่อนเร็วขึ้นด้วยนะคะ สาว ๆ คงไม่อยากใส่ฟันปลอมก่อนวัยอันควรใช่ไหมคะ


ที่มา http://women.kapook.com/view17344.html

เต่า


เต่า (อังกฤษ: Turtle) คือ สัตว์จำพวกหนึ่งในอันดับ Chelonia จัดอยู่ในจำพวกสัตว์เลือดเย็น และเป็น สัตว์เลื้อยคลานด้วย ซึ่งเต่านั้นถือเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนมากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยเต่าจะมีกระดูกที่แข็งคลุมบริเวณหลังที่เรียกว่า "กระดอง" ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะสามารถหดหัว ขา และหางเข้าในกระดองเพื่อป้องกันตัวได้ แต่เต่าบางชนิดก็ไม่อาจจะทำได้




โดยมากแล้ว เต่า เป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ได้ช้า อาศัยและใช้ช่วงชีวิตหนึ่งอยู่ในน้ำ ซึ่งมีอาศัยทั้งน้ำจืด และทะเล แต่เต่าบางชนิดก็ไม่ต้องอาศัยน้ำเลย เรียกว่า "เต่าบก" (Cryptodira) ซึ่งเต่าบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ เต่ายักษ์กาลาปากอส (Geochelone nigra) ที่อาศัยอยู่ตามเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะกาลาปากอส ในเอกวาดอร์ (มีทั้งหมด 15 ชนิดย่อย) ในขณะที่เต่าน้ำ (Pleurodira) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ เต่าอัลลิเกเตอร์ (Macrochelys temminckii) อาศัยอยู่ตามหนองน้ำในทวีปอเมริกาเหนือ

เต่าทะเล
เป็นเต่าจำพวกหนึ่งที่ทั้งชีวิตอาศัยอยู่แต่ในทะเลเพียงอย่างเดียว จะขึ้นมาบนบกก็เพียงแค่วางไข่เท่านั้น โดยที่เท้าทั้งสี่ข้างพัฒนาให้เป็นอวัยวะคล้ายครีบ ซึ่งเต่าทะเลทั่วโลกปัจจุบันมีทั้งหมด 8 ชนิด ใน 2 วงศ์ 5 สกุล ได้แก่ เต่ากระ (Eretmochelys imbricata) , เต่าตนุ (Chelonia mydas) , เต่าตนุหลังแบน (Natator depressus) , เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) , เต่าหัวค้อน (Caretta caretta) , เต่าหญ้า (Lepidochelys olivacea) , เต่าหญ้าแอตแลนติก (Lepidochelys kempii) โดยที่เต่ามะเฟืองเป็นเต่าทะเลและเป็นเต่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

อาหารของเต่า
เต่า กินอาหารได้ทั้ง พืช และสัตว์ โดยเต่าบางชนิดก็จะกินแต่เฉพาะสัตว์ เช่น เต่าอัลลิเกเตอร์, เต่าสเน็ปปิ้ง (Chelydra serpentina) , เต่าปูลู (Platysternon megacephalum) เป็นต้น

เต่ากับมนุษย์
โดยปกติแล้ว มนุษย์จะไม่ใช้เนื้อเต่าหรือไข่เต่าเป็นอาหาร แต่ก็มีบางพื้นที่หรือคนบางกลุ่มที่นิยมบริโภคเนื้อเต่าหรือเนื้อตะพาบ โดยเชื่อว่าเป็นอาหารบำรุงกำลัง เช่น ตะพาบน้ำตุ๋นยาจีน เป็นต้น โดยความเชื่อทั่วไปแล้ว เต่า ถือเป็นสัตว์ที่มีอายุยืน คนไทยจึงมีความเชื่อว่าหากได้ปล่อยเต่าจะเป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์เชื่อต่ออายุให้ยืนยาว ดังนั้น จึงมักเห็นเต่าหรือตะพาบตามแหล่งน้ำในวัดบางแห่งเสมอ ๆ ในประเทศจีน หลักฐานทางโบราณคดี พบว่า สมัยราชวงศ์เซี่ยและราชวงศ์ซาง กระดองเต่า ถูกใช้เป็นเครื่องทำนายทางโหราศาสตร์ ในทางไสยศาสตร์ของไทย มีการใช้เต่าเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น ยันต์เต่าเลือน เป็นต้น

เต่า ในทางภาษาศาสตร์ของไทย ยังใช้เป็นพยัญชนะลำดับที่ ๒๑ โดยมักใช้เป็นตัวสะกด คือ ต.เต่า โดยเป็นตัวอักษรเสียงกลาง นอกจากนี้แล้ว เต่า ยังเป็นตัวแทนของความเชื่องช้า โง่งม จึงมีสำนวนทางภาษาในนัยเช่นนี้ เช่น โง่เง่าเต่าตุ่น เป็นต้น


เครดิต

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2

แกะสลักไม้ไผ่




จากลำไม้ไผ่ในป่าเขาใหญ่ สู่งานแกะสลักกลายเป็นสินค้าโอทอปคุณภาพเยี่ยม แห่งเมืองนครนายก ผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่แกะสลัก ซึ่งเป็นงานศิลปะที่สร้างสรรค์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนเมืองนครนายกโดยแท้ ที่สร้างสมประสบการณ์จนมี ฝีมือประณีต สร้างกระบอกไม้ไผ่ป่า กลายเป็นของตกแต่งที่งดงามยิ่ง รูปแบบแปลกตา และยังขจรไกลไปยังต่างแดนอีกด้วย จากการรวมกลุ่มกันเล็ก ๆของชาวท้องถิ่นใน ตำบลสาริกา เพื่อทำ ผลิตภัณฑ์จากต้นไผ่ที่มีอยู่มากมายในผืนป่าเขาใหญ่จากต้นไม้รากไม้ที่ไม่มี คุณค่ามากนักในทางพาณิชย์ ใครจะคิดบ้างว่า เหง้าไม้ไผ่ต้นไม้ไผ่ที่ทุกคนมองว่าไม่มีค่าจะกลายมาเป็นสินค้า หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่ขายดิบขายดีของจังหวัดนครนายก และยังสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้อีกด้วยถือว่าเป็นของดีเมืองนครนายก อีกอย่างหนึ่ง

การแกะสลักไม้ไผ่นั้นมีขั้นตอนยุ่งยากต้องใช้เวลาและความละเอียดพอสมควรกว่า จะมาเป็นผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่ที่สวยงามอย่างที่เราเห็น ต้องใช้ความอดทนข่อนข้างมากทีเดียว วัตถุดิบส่วนมากก็จะอยู่ในเขตนครนายก ก็คือไม้ไผ่พันธุ์ ที่นำมาแกะสลักส่วนมากเป็นพันธุ์ไผ่ตง แบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ หนัก กลาง เบา อย่างที่แกะอยู่จะเป็นไผ่ตงกลาง ไผ่ตงหนักค่อนข้างลำใหญ่ มีเหง้าใหญ่ และไม่นิยมกินหน่อกัน ไผ่ตงกลางกับไผ่ตงหนักใช้ลำและเหง้าในการแกะสลัก ส่วนไผ่ตงเบานั้นนิยมกินหน่อเป็นอาหารเลยไม่ค่อยนำมาแกะสลัก ส่วนต่าง ๆ ของไม้ไผ่เมื่อตัดออกมาแล้วสามารถนำมาทำผลิตภัณฑ์ได้เกือบทั้งหมด

ไม้ไผ่ลำหนึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด เริ่มแรกในการแกะนั้นเมื่อได้ไม้ไผ่มาขั้นตอนแรกเลยต้องนำไปแช่น้ำยาฆ่า เชื้อประมาณ 15 วัน และตากแดดอีก 15 วัน (สำหรับเหง้าไม้ไผ่) แล้วนำไปเจียน นำไปขัด แกะขึ้นรูป ตรงนี้ต้องใช้ความละเอียดอ่อน และความชำนาญในการทำ เสร็จแล้วนำไปขัดเก็บรายละเอียด สุดท้ายลงสีเพิ่มความสวยงาม ส่วนลำไม้ไผ่ต้องผ่านการอบรมควันก่อนประมาณ 15 วัน แล้วจึงนำมาแกะสลักได้

ส่วนขั้นตอนการทำนั้น เริ่มจากการวาดลาย จากนั้นก็แกะสลักตามแบบที่วาดแล้วลงฉลุลายตามจุดที่ต้องการ ขั้นตอนต่อไปขัดกระดาษทรายด้วยมือให้เรียบแล้วแกะลายอีกครั้งเพื่อความลึกคม ชัดของลวดลายแล้วขัดลูบรอยสิ่วออกอีกครั้ง ก่อนนำมาอาบน้ำยาทิ้งให้แห้ง แล้วนำมาเข้าเตาอบ จากนั้นก็ลงสี ตกแต่งด้วยอุปกรณ์เพื่อให้ดูดีสวยงาม ก่อนนำมาวางจำหน่าย ระยะเวลาในการทำชิ้นงานต่างๆ ใช้เวลานานพอสมควร ตกประมาณ 2-3 อาทิตย์ เนื่องจากเป็นงานฝีมือต้องใช้ความละเอียดอ่อน ไม้ไผ่ที่ทำการแกะต้องผ่านการตากแดด แช่น้ำยา นำไปตัดแต่ง อบรมควัน ถึงจะนำมาแกะได้ แกะเสร็จนำไปเจียน นำไปเกา ขัด และทาน้ำยา จะเห็นว่ามีหลายขั้นตอนมาก ๆ กว่าจะได้งานหนึ่งชิ้นออกมา

ถือเป็นผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ที่สวยงามกลั่นกรองมาจากภูมิปัญญาฝีมือชาว บ้านอย่างแท้จริง สมควรที่จะสนับสนุนและนำไปเป็นแบบอย่างที่ดีในการพัฒนาชุมชนในที่อื่น ๆ ครับใครมีโอกาสมาเที่ยวที่เมืองนครนายก บริเวณทางไปน้ำตกนางรอง ก็อย่าลืมแวะเข้าไปเยี่ยมชม และอุดหนุนผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ของชาวตำบลสาริกา



เมืองนครนายก ที่หลาย ๆ ท่าน ต้องนึกถึงน้ำตกนางรอง น้ำตกวังตะไคร้ น้ำตกสาริกา เป็นอันดับต้น ๆ แต่มีอีกอย่างที่ยังไม่มีใครกล่าวถึงมากนัก ก็คือผลิตภัณฑ์ที่กำลังสร้างชื่อให้กับจังหวัดนครนายก นั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่แกะสลัก ภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

กลุ่มงานแกะสลักลายไม้ไผ่ ที่ตำบลสาริกา ซึ่งก่อนนั้นก็จะมีการร่วมกลุ่มกันเองทำ และจัดวางจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวแต่ตอนหลังก็เลิกกันไป ภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

จนทางจังหวัดเข้ามาสนับสนุนและแนะนำในเรื่องต่าง ๆ จนสามารถทำได้อีกครั้ง ภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

จากต้นไม้รากไม้ที่ไม่มีคุณค่ามากนักในทางพาณิชย์ ที่ทุกคนมองว่าไม่มีค่า กลายมาเป็นหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่ขายดิบขายดีของจังหวัดนครนายกภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

การแกะสลักไม้ไผ่นั้นมีขั้นตอนยุ่งยากต้องใช้เวลาและความละเอียดพอสมควรกว่า จะมาเป็นผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่ที่สวยงามอย่างที่เราเห็น ต้องใช้ความอดทนค่อนข้างมาก ภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

ชิ้นงานส่วนใหญ่เป็นงานโคมไฟ ขนาดต่าง ๆ ลวดลายต่างๆ หรือถ้าใครต้องการตามแบบของตนเองก็สามารถสั่งได้เลย ภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

ลวดลายที่เป็นที่นิยมก็จะมีเช่น รูปแปะยิ้ม หน้าช้าง หน้ามังกร รูปลายดอกไม้ไทย ,รูปหน้าคน,ดอกไม้บาหลี ,รูป ปลา ,ต้นมะพร้าว และอีกมากมายหลายแบบภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

ราคาผลิตภัณฑ์นั้นมีมากมายหลายราคาแล้วแต่ชิ้นงาน จะมีตั้งแต่ชิ้นละ 80 บาท ไปจนถึงหลักพันบาท ชิ้นงานส่วนใหญ่จะทำตามใบสั่งของลูกค้าเป็นหลัก ภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

การดูแลรักษาผลิตภัณฑ์ให้ใช้ผ้าบาง ๆ หรือฟองน้ำชุบน้ำบิดพอมาด ๆ แล้วเช็ดแต่อย่าให้น้ำเปียกชุ่มจนเกินไป ภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

ส่วนคุณภาพของไม้นั้นไม้ไผ่ทุกลำเขาผ่านการอบรมควันเพื่อทำให้ไม้แห้งเร็ว ขึ้น เนื้อไม้ไม่เหนียว ฆ่าเชื้อราป้องกันมอดไปในตัวได้อีกด้วย ภาพจาก ททท.ท่องเที่ยวทั่วไทย

การเดินทางไปยังลายไม้ไผ่ ลำไม้ไผ่แกะสลัก
การเดินทาง มายังกลุ่มลายไม่ไผ่ ใช้เส้นทางไปเขื่อนขุนด่านปราการชล จากตัวเมืองนครนายก– น้ำตกนางรองใช้ถนนหมายเลข 3049 ก่อนถึงอุทยานวังตะไคร้ ประมาณ 2 กิโลเมตรเลี้ยวขวาเข้าไปวัดบ้านดง ประมาณ 1 กิโลเมตรก็เจออยู่ทางขวามือ หรือถ้ามา จากกรุงเทพ ฯ เดินทางมาบนทางหลวงหมายเลข 305 หรือ 33 – นครนายก – น้ำตกนางรองใช้ถนนหมายเลข 3049 ก่อนถึง อุทยานวังตะไคร้ ประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวขวาตามเส้นทางแรก มีป้ายบอกชัดเจน

กิจกรรมที่น่าสนใจในลายไม้ไผ่ ลำไม้ไผ่แกะสลัก
ชมผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ที่สวยงาม
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ไม้ไผ่แกะสลัก ฝีมือประณีต
ช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับการมาท่องเที่ยวลายไม้ไผ่ ลำไม้ไผ่แกะสลัก
ตลอดทั้งปี

คำแนะนำในการท่องเที่ยว
บ้านสาริกาอยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดนครนายก มีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงหลายแห่งเช่น น้ำตกสาริกา น้ำตกนางรอง เขื่อนขุนด่านปราการชล สามารถท่องเที่ยวได้อย่างคุ้มค่าการเดินทาง

เครดิต
http://www.thaitambon.com/NY/HintangBamboo1.htm

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

เสือขาว

WHITE BENGAL TIGER





เสือโคร่งขาวมีถิ่นกำเนิดจากประเทศอินเดีย เป็นเสือโคร่งเบงกอล ที่มีลักษณะขนตามลำตัวสีขาว มีลายพาดสีดำ ตาสีฟ้าอ่อน เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ พบได้น้อยมากในธรรมชาติ โดยเสือโคร่งขาวตัวแรกพบที่ประเทศอินเดีย เป็นเสือโคร่งขาวเพศผู้ชื่อ “โมฮัน” แล้วจึงนำมาเลี้ยงร่วมกับเสือโคร่งเบงกอลเพศเมีย จากนั้นจึงได้ลูกหลานที่เกิดจาก “โมฮัน” ซึ่งเสือโคร่งขาวเช่นเดียวกันต่อมาอีกหลายตัว และมีการนำไปเพาะเลี้ยงในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีเสือโคร่งขาวประมาณ 200 ตัว ส่วนใหญ่อยู่ตามสวนสัตว์ต่างๆ
สวนสัตว์ดุสิตได้รับมอบเสือขายจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 1 ตัว ซึ่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียวก็ได้รับมอบเสือขาวจำนวน 6 ตัว มาจากสวนสัตว์แนชวิลล์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามโครงการแลกเปลี่ยนสัตว์ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2545 โดยเพศผู้ ชื่อ "ข่าน" อายุ 13 ปี เพศเมีย ชื่อ "เอริก้า" อายุ 10 ปี ปัจจุบันได้ให้กำเนิดลูกเสือขาวแล้วจำนวน 4 ครอก คือ
ครอกที่ 1 เกิดจำนวน 2 ตัว เพศเมียทั้งคู่ เกิดเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2546 (ชื่อเขี้ยวมุก และเขี้ยวแก้ว) ปัจจุบันอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่
ครอกที่ 2 เกิดจำนวน 2 ตัว คลอดก่อนกำหนด (ตาย)
ครอกที่ 3 เกิดจำนวน 2 ตัว เพศผู้ 1 เพศเมีย 1 เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2547 (แม่เลี้ยงเอง) ปัจจุบันอยู่ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
ครอกที่ 4 เกิดจำนวน 2 ตัว เพศเมียทั้งคู่ เกิดวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2549 (แม่เลี้ยงเอง)



เครดิต

http://www.dusitzoo.org/index.php?option=com_content&task=view&id=31&Itemid=47

ลิงวอก



ลิงวอก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม


Rhesus Macaque
ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Macaca mulatta

--------------------------------------------------------------------------------

ลักษณะทั่วไป
ลำตัวส่วนหลังสีน้ำตาล ส่วนอื่นเป็นสีน้ำตาลเทา หางสั้นประมาณครึ่งหนึ่งของลำตัว โคนหางค่อนข้างใหญ่และเรียวเล็กลงไปทางปลายหาง แต่หางสั้นกว่าลิงแสม ขนบริเวณสองข้างแก้มม้วนวนเป็นก้นหอย


ถิ่นอาศัย, อาหาร
พนในประเทศไทย พม่า อินเดีย อัสสัม เนปาล อัฟกานิสถาน จีน และอินโดจีน ในประเทศไทยพบทางภาคเหนือ
ลิงวอกกินผัก ผลไม้ ใบไม้อ่อน แมลงต่างๆ รวมทั้งสัตว์เล็กๆ เป็นอาหาร

พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
เป็นลิงที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีตัวผู้แก่เป็นจ่าฝูง ชอบอยู่ตามป่าที่มีโขดหิน หรือหน้าผาและเป็นป่าที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ออกหากินบริเวณใกล้เคียงกับที่อาศัย ชอบลงมาเดินบนพื้นดิน เป็นลิงที่เชื่องและไม่ค่อยกลัวคน
ลิงวอกเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุ 3-4 ปี ระยะตั้งท้องนาน 5-7 เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว

สถานภาพปัจจุบัน
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535

สถานที่ชม
สวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา



เครดิต

http://www.moohin.com/animals/mammals-60.shtml