วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

เม่นแคระ




เม่นแคระ หรือเม่นจิ๋ว ถิ่นกำเนิดดั้งเดิม อยู่ในเขตร้อน ใกล้เส้นศูนย์สูตร เป็นสัตว์ที่หากิน ในเวลากลางคืน ชอบเดินหากินไส้เดือน หนอน มดและแมลงต่าง ๆ ส่วนในตอนกลางวัน มักหลบนอน ตามโพรงไม้ หรืออุโมงค์ดิน ที่ขุดขึ้นมาเอง มีนิสัยรักสงบ รักสันโดษ เวลาตกใจ มักม้วนตัวเป็นก้อนกลม คล้ายลูกบอลหนาม หนามของเม่นแคระ ไม่ได้แหลมคมมาก ที่สำคัญ เม่นแคระ หรือเม่นชนิดไหน ในโลกนี้ ไม่สามารถสลัดขนที่หลังได้




ปัจจุบันมีการเพาะขยายพันธุ์ เพื่อการเป็นสัตว์เลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย ทำให้เม่นแคระที่เกิดในกรงเลี้ยง นิสัยบางอย่างของสัตว์ป่าก็จะขาดหายไป เช่น เม่นแคระบางตัวก็กินอาหารในเวลากลางวัน ชอบวิ่งวงล้อคล้ายกับหนูแฮมสเตอร์ ชอบอาบน้ำอุ่น ชอบให้คนจับอุ้มเล่น เวลาตกใจไม่ทำตัวกลม เป็นลูกบอลหนาม แต่ทว่ากลับวิ่งหนีแทน



การเตรียมสถานที่เลี้ยง
ปัจจุบันมักนิยมเลี้ยงกันในตู้ปลาขนาดใหญ่ ดังนั้นพื้นตู้ต้องใช้สิ่งปูรองที่แห้ง สะอาดและดูดซับของเสียได้ดี อย่างน้อยควรจะปูไว้หนา ไม่ต่ำกว่าสิบเซนติเมตร ไม่ควรเลี้ยงอยู่ในกรงที่ทำมาจากซี่ลวด เพราะพบบ่อยครั้งที่ขาตกร่อง หรือขาเข้าไปติดซี่กรง จนขาหักได้ ถ้าท่าน เลี้ยงเม่นแคระ ในที่มีอากาศหนาวเย็น อาทิ ภาคเหนือของประเทศไทย ในหน้าหนาวก็ควรมีการเปิดไฟส่องให้ความอบอุ่นแก่เขาบ้าง






การเลี้ยงดู
ปรกติเราจะเลี้ยงเจ้าเม่นแคระ ไว้ในบ้านตลอดเวลา แต่ในวันที่อากาศร้อนไม่มาก ตอนเช้าหรือตอนเย็น ๆ ควรนำเขาออกมาตากแดด รับวิตามินจากแสงแดด และสูดอากาศ สดชื่นภายนอก เพื่อเขาจะได้ออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายบ้างถ้าเป็นสนามหญ้า จะดีมาก ดูเป็นธรรมชาติดี เขาและเจ้าของ จะได้มีความสุข ร่วมกันมากยิ่งขึ้น แต่การปล่อยนั้น ต้องมีเจ้าของ อยู่ด้วยตลอดเวลา เพราะพบบ่อยครั้ง ว่ามีสุนัข หรือแมว มักเข้ามาทำร้าย





การจัดเตรียมอาหาร
นิยมให้อาหารเม็ดสำหรับแมว เพราะหาซื้อได้สะดวกและราคาไม่แพง แต่ความจริงแล้ว เม่นแคระ ต้องการอาหารที่มีโปรตีนมาก และไขมันต่ำ ซึ่งอาหารแมวมีไขมันมากเกินไป ทำให้อ้วนและมีอายุสั้นลง จึงต้องใช้ในปริมาณจำกัด และเสริมอาหารชนิดอื่นๆ ทดแทน ควรมีหนอนนก และจิ้งหรีดรวมอยู่ใน รายการอาหารด้วย ประมาณสัปดาห์ละสามถึงห้าวัน อาหารเสริมที่แนะนำ ก็จะมีผัก และผลไม้รสหวาน แคลเซียมเม็ด สำหรับสุนัข แบ่งเป็นชิ้นเล็กให้แทะเล่น ไข่ต้มสุก เป็นต้น


วิธีการสังเกตดูเวลาเขาป่วย

ระบบทางเดินอาหาร เริ่มกันที่ภายในช่องปากก่อน บางร้านเกรงว่าเม่นแคระที่ขายจะกัดผู้ซื้อ จึงตัดฟันเขี้ยวทั้งสี่ซี่ (บนสองล่างสอง) ออกเสีย โดยเชื่อว่าฟันจะได้ทื่อ กัดแล้วไม่เจ็บ หาได้เป็นความจริงไม่ครับ กลับเป็นการ ทำให้เกิดฟันอักเสบ และฝีรากฟัน เม่นแคระจะไม่กินอาหาร ปากเหม็น และหน้าบวม

ระบบทางเดินอาหาร นั้นอาการผิดปรกติซึ่งพบบ่อยที่สุด คือท้องเสียและอาเจียน จากอาหารเป็นพิษ เพราะอาหารไม่สะอาด หรือกินอาหาร และขนมผิดประเภท เช่น น้ำชากาแฟ ช็อคโกเลต ทุเรียน ส้มตำ เป็นต้น สิ่งสำคัญคือ ต้องทราบด้วยว่า "โรคเริม" ในคนสามารถติดต่อไปยัง เม่นแคระได้ โดยการกินอาหาร ต่อจากเจ้าของที่กำลังเป็นโรคเริม ที่ริมฝีปาก ซึ่งอาจทำให้เม่นแคระเสียชีวิตได้

ระบบทางเดินหายใจ อาการ หายใจหอบ ไอ จาม ไม่กินอาหาร ไม่ยอมเคลื่อนไหว เหล่านี้มักเป็นอาหาร ที่พบบ่อยๆ มาจากโรคปอด และหลอดลมอักเสบ ในเม่นแคระ สาเหตุสำคัญมักมาจากการ เลี้ยงที่หนาแน่นเกินไป การไม่ได้ออกมาปล่อยเล่นเสียบ้าง ติดโรคจากเจ้าของ อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา หรือการได้สูดสมสารระเหย ที่มีพิษและฤทธิ์ระคายเคือง เมื่อเจ้าของพบอาการดังกล่าว ควรนำมาพบสัตวแพทย์ ให้เร็วที่สุดนะครับ



ระบบทางเดินปัสสาวะ เม่นแคระที่กินแต่อาหารแมวอย่างเดียว ( แบบไม่อั้น ) มาเป็นระยะเวลานาน มีสิทธิที่จะเป็นโรคอ้วน และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และแถมเป็นนิ่วได้ด้วย

ระบบประสาท มักพบกันเม่นแคระเพศเมีย อายุมากกว่า3 ปีขึ้นไป แสดงอาการ ขาหลังอ่อนแรง ควบคุมอุจจาระและปัสสาวะไม่ได้ ซึ่งเป็นระยะ ที่เกินความเหมาะสม ในการรักษาไปแล้ว สัตว์มักเสียชีวิตหลังแสดงอาการ ระยะสุดท้ายไม่นาน แต่ถ้ารักษาแต่เนินๆ โอกาสหายก็มีมากขึ้น

ระบบผิวหนังและหนาม ผิวหนังอักเสบ และขี้เรื้อนก็มีให้พบเห็นบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก ถ้าเป็นโรคในระบบนี้ เม่นแคระจะคัน เกาบ่อย ๆ หนามร่วง และมีสะเก็ดรังแค มากกว่าปกติมาก ต้องพาไปหาคุณหมอสัตวแพทย์วินิจฉัย ก็จะรักษาได้โดยง่าย


เครดิต
http://brightlives.th.88db.com/pets/pets_hedgehog.htm

ไม่มีความคิดเห็น: